-
การปฏิบัติจิตใจตนให้เข้าสู่บันไดพระนิพพาน
|
|
-
การปฏิบัติจิตใจตน ให้เข้าสู่บันไดพระนิพพานได้นั้น
มีอยู่ ๕
ขั้นคือ นิโรธ
นั้นเอง
|
|
-
-
ขั้นที่ ๑ คือละเว้น
|
|
-
-
ขั้นที่ ๒ คือปล่อยวาง
|
|
-
-
ขั้นที่ ๓ คือให้ส่งคืน
|
|
-
-
ขั้นที่ ๔
คืออย่าอาลัยในสิ่งเหล่านั้น
|
|
-
-
ขั้นที่ ๕
คือให้ทำจิตให้ว่าง
วางเฉยเสีย
|
|
-
ห้าขั้นนี้เป็นบันไดเข้าสู่พระนิพพาน
ให้จิตใจเราผู้ปฏิบัติขึ้นตามสายทางบันไดดังที่กล่าวมานี้
ถึงจะเป็นบันไดทางพระนิพพานโดยถูกต้อง
ถ้าเราละเว้นไม่ได้
ก็จะเหยียบบันไดพระนิพพานผิดไป
ไม่ถูกทางนะท่านชาย-หญิง
ให้เราเดินไปตามบันได
5 ขั้นที่กล่าวมานี้ไม่ผิด
พอเราขึ้นถึงบันได
5 ขั้นได้แล้ว
ก็ถึงประตูพระนิพพานที่ปิดอยู่
3 ขั้น
ให้ผู้ปฏิบัติชาย-หญิงให้ทำจิตใจให้เข้าสู่วิมุตติ-วิมุตติญาณต่อ
ๆ ไป
ประตูพระนิพพานถึงจะเปิดออก
ให้รับเอาจิตใจของผู้ปฏิบัติชาย-หญิง
ให้เข้าสู่พระนิพพานไปได้โดยสมบูรณ์ฯ
|
|
-
ประตูที่ 1
คือทำจิตใจของตน
ให้เข้าสู่ความว่างวางเฉยให้ได้
ประตูพระนิพพานที่หนึ่งจะเปิดออกรับเอง
|
|
-
ประตูที่
2 คือตาเห็นเราก็รู้
หูได้ยินเราก็รู้
อะไร ๆ
เราก็รู้
ให้วางเฉยเสีย
ที่ปราศจากอารมณ์ทั้งปวงได้แล้ว
ประตูพระนิพพานที่สองก็จะเปิดรับท่านผู้ปฏิบัติ
โดยอัตโนมัติเอง
|
|
-
ประตูที่ 3
คือยกจิตใจเราเข้าสู่สิ่งไม่มีให้ได้เป็นเด็ดขาด
แล้วประตูที่สามก็จะเปิดรับท่านผู้ปฏิบัติชาย-หญิงเองเช่นกัน
|
|
-
ผู้ปฏิบัตินั้นก็จะมองเห็นฝั่งพระนิพพานได้ชัดเจน
รู้ทางพระนิพพานได้เป็นแน่นอนไม่มีการหลอกลวงประชาชนแต่อย่างใด
นี่เป็นผู้เข้าถึงทางพระนิพพาน
1 แล้ว
แต่ก็ยังต้องอาศัยธาตุกายสังขารและเบญจขันธ์อยู่ในโลกนี้
ยังสั่งสอนศีล-สมาธิ
ปัญญา
อันเป็นทางมรรค-ผล-นิพพานของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านวางไว้
ให้แก่พระภิกษุ-สามเณร-ชี-พราหมณ์-อุบาสก-อุบาสิกา
ที่ท่านจะมานะภายหลัง
จะได้ยิน
จะได้ฟัง
จะได้รู้ทางศาสนาศีล-สมาธิ-ปัญญา
มรรค-ผล-นิพพานกันบ้าง
ก็เพราะผู้ปฏิบัติจิตใจตน
ให้เข้าถึงพระนิพพานหนึ่งได้แล้วเท่านั้น
ถึงจะรู้ทางมรรค-ผล-นิพพานได้
นอกจากนั้นหารู้ได้ไม่ฯ
|
|
-
ต่อไปนี้เป็นนิพพาน
2 จะข้ามฟากหนีจากบ่วงมารข้ามจากภพทั้งสามต่อไป
จะเข้าสู่นิพานสองถึงเวลาเสบียงชีวิตสังขารเขาหมดอายุของเขาแล้ว
จิตใจเราก็จะต้องละจากเบญจขันธ์
คือให้ละจากรูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ
ที่ท่องเที่ยวอยู่ในภพทั้งสามนี้
ละสัญญาอุปาทานที่อยู่ในรูปและเสียง
ให้จิตใจของเราให้ขาดจากสัญญาความผูกพันอยู่ให้สิ้นไป
ทำจิตใจให้เบิกบาน
ให้สว่างแจ่มแจ้ง
คือยึดเอาคุณพระรัตนตรัย
ว่าเป็นสรณะที่พึ่ง
ให้ยึดเอาพระนิพพานมาเป็นอารมณ์
นิพพานแปลว่า
สุขที่ปราศจากอามิสทั้งปวง
เราจะอยู่ในโลกนี้ได้
แต่เพียงวินาทีเดียวเท่านั้น
เรียกว่า
นิพพานัง
ปรมัง สุขัง
สุขอื่นใดจะยิ่งกว่าพระนิพพานนั้นย่อมไม่มี
เรียกว่านิพพานสอง
ดับทั้งธาตุดับทั้งเบญจขันธ์
ไม่กลับมาเวียนว่ายเกิดตายอีกต่อไป
เรียกว่าจิตผู้ปฏิบัติชาย-หญิงเข้าสู่พระนิพพานไปแล้ว
มิได้อาศัยบุญบารมีแต่อย่างใด
อาศัยศีล-สมาธิ-ปัญญา
อันเป็นทางมรรค-ผล-นิพพานของพระพุทธเจ้า
ที่พระพุทธองค์ทรงวางสายทางไว้ให้แล้ว
ให้ผู้ปฏิบัติเดินตามไป
จนถึงซึ่งปรินิพพานไปได้ทุกๆ
ท่านไม่ว่าท่านชายและท่านหญิง
ถ้ามีความจริงใจแล้วก็ไปได้ทุก
ๆ ท่าน
จบศีล-สมาธิ-ปัญญา
มรรค-ผล-นิพพาน
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่เพียงเท่านี้
|
|