สายทางสัจจะธรรม-จิตตญาณ

 

              ต่อไปนี้เป็นสายทางสัจจะญาณ-จิตตญาณ  เป็นทางของจิตผู้ปฏิบัติจะดำเนินเข้าสู่ ศีล-สมาธิ-ปัญญาต่อๆ ไป  เพื่อหาทางละออกจากกิเลสกามความกำหนัดสัมผัสถูกต้องชาย-หญิง อันเป็นบ่อเกิดของมนุษย์และสัตว์ให้เกิดเป็นทุกข์  บ่อเกิดแห่งทุกข์ที่เวียนว่ายตายเกิด ที่ไม่รู้ทุกข์ ก็เพราะกามตัณหานี้อย่างหนึ่งฯ

 

              ผู้ปฏิบัติ ภิกษุ-สามเณร-ชี-พราหมณ์  เป็นนักบวช ก็เพื่อแสวงหาทางออกจากกามบ่อเกิดของสัตว์มนุษย์นี้มิใช่หรือ  ท่านถึงได้ยกจิตใจให้เดินตาม ศีล-สมาธิ-ปัญญา เป็นทางรู้และเป็นทางตรัสรู้แจ้งแห่งทุกข์ทั้งปวง  เพราะว่าจิตของผู้ปรารถนาจะเสพกามอยู่นั้น ทุกเพศทุกวัยเป็นจิตใบ้ใจบ้า  หลงอยู่แห่งกามถึงไม่แสวงหา  ศีล-สมาธิ-ปัญญา เลยกลายเป็นผู้หูหนวกตาบอดกันไปเท่านั้น  ผู้เป็นนักบวชชาย-หญิงให้รู้ในธรรมเหล่านี้ด้วย  ว่าเป็นทุกข์หรือมันเป็นสุข มันมีมันเกิดติดตามจิต-เจตสิก-วิญญาณท่านมากี่ชาติแล้วก็ไม่รู้อยู่นั่นเอง  เพราะจิตคิดเห็นผิดๆ ยอมตายกับหมู่บ้ากามนั่นเองฯ

 

               สัจจะญาณ  จิตตญาณเพื่อให้รู้แจ้งในทางวัตถุกาม  ว่าเป็นเครื่องบำเรอกาม เป็นผู้หลงแสวงหา เป็นขี้ข้าชาติของตนและผู้อื่นจนขาดใจตายไปจากโลกนี้  จนนับไปไม่ถ้วนนับไม่ไหวเลย ถือกันโดยสั้นๆ ว่าคนเราเกิดมาหนเดียวตายหนเดียวเท่านั้น ๆ  เพราะมันนับไม่ไหวนั่นเอง  กิเลสกามเป็นเครื่องเสพ วัตถุกามเป็นเครื่องบำเรอ  กิเลสกามเป็นเครื่องเสพสำหรับจิตสามัญชนมนุษย์และสัตว์หาว่าเพลิดเพลิน เพราะมันเป็นเครื่องปิดบังศีลธรรม  วัตถุกามเป็นเครื่องบำเรอว่าเป็นใหญ่เป็นโตโวหารเลิศหน้า เพราะราคะตัณหาปิดไว้ไม่ให้รู้  ความเป็นทุกข์หลงเกิด  หลงตายร้อยชาติพันชาติไม่รู้ความทุกข์ ก็เพราะจิตหลงนั่นเอง นักบวชชาย-หญิงให้รู้ในธรรมเหล่านี้ด้วยฯ

 

               นักบวชชาย-หญิงผู้มีจิตศรัทธาเข้าสู่เพศพรหมจรรย์  ต้องเป็นผู้แสวงหาศีล-สมาธิ-ปัญญา เพื่อจะออกจากวัตถุกามแห่งทุกข์ทั้งปวงให้ได้โดยเด็ดขาด  ถึงหาทางเข้าสู่สัจจะญาณ-จิตตญาณต่อๆ ไป สัจจะญาณคือวาจาคำพูดโดยพุทธบัญญัติหรือบุคลบัญญัติ  ญาณคือความรู้แจ้งในเหตุและผลตามสิ่งนั้นๆ ดังนี้ จิตตญาณคือ จิตนึกคิดของตนนั้น  ญาณคือ  ความรู้แจ้งในความนึกคิด  ความนึกคิดนั้นเป็นเหตุและผล เหตุให้เกิดเป็นทุกข์ก็มี เหตุให้เกิดเป็นสุขก็มี  กะตะญาณคือความรู้แจ้งทางกาย  ทางวาจา ทางใจในเหตุและผลที่กระทำในสิ่งนั้น ๆ  เป็นทุกข์เป็นสุข  กะตะญาณนั้นรู้แจ้งในการเป็นกรรม  ที่จะติดตามมาถึงตนคือ  กายกรรม  วาจากรรม  มโนกรรม  กรรมแปลว่า…ความทุกข์จะมาถึงตนโดยการกระทำผิด กะตะญาณเป็นทางรู้แจ้ง  ไม่ยอมกระทำตามตัณหาราคะแห่งกามทั้งปวงเป็นเด็ดขาด มีการละเว้นตามศีล-สมาธิ-ปัญญารู้แจ้งว่าเป็นทางออกจากทุกข์ได้ มิใช่เป็นทางที่ประกอบทุกข์ สัจจะญาณ-จิตตญาณ-กะตะญาณรู้แจ้งดังนี้  เกิดขึ้นเพราะความตั้งใจมั่นอยู่ในศีลโดยสัจจะธรรม ญาณทั้งสามนี้ถึงจะเกิดถึงจะมีประจำผู้ปฏิบัติตลอดไป  ถึงความรู้แจ้งในทางปารมัตถธรรม เป็นธรรมอันไม่ตายคือ พระนิพพาน

 

เวลา..วันที่..ขณะนี้...

 

 

Created on..............: Sat, Jul 13, 2002

ปรับปรุงแก้ไขข้อมูลครั้งหลังสุด  23/10/2562 10:32:06

ติดต่อผู้ดูแล web:  webmaster@luangpochom.com

luangpochom