-
สายทางสัจจะธรรม-จิตตญาณ
|
|
-
ต่อไปนี้เป็นสายทางสัจจะญาณ-จิตตญาณ
เป็นทางของจิตผู้ปฏิบัติจะดำเนินเข้าสู่
ศีล-สมาธิ-ปัญญาต่อๆ
ไป เพื่อหาทางละออกจากกิเลสกามความกำหนัดสัมผัสถูกต้องชาย-หญิง
อันเป็นบ่อเกิดของมนุษย์และสัตว์ให้เกิดเป็นทุกข์
บ่อเกิดแห่งทุกข์ที่เวียนว่ายตายเกิด
ที่ไม่รู้ทุกข์
ก็เพราะกามตัณหานี้อย่างหนึ่งฯ
|
|
-
ผู้ปฏิบัติ
ภิกษุ-สามเณร-ชี-พราหมณ์
เป็นนักบวช
ก็เพื่อแสวงหาทางออกจากกามบ่อเกิดของสัตว์มนุษย์นี้มิใช่หรือ
ท่านถึงได้ยกจิตใจให้เดินตาม
ศีล-สมาธิ-ปัญญา
เป็นทางรู้และเป็นทางตรัสรู้แจ้งแห่งทุกข์ทั้งปวง
เพราะว่าจิตของผู้ปรารถนาจะเสพกามอยู่นั้น
ทุกเพศทุกวัยเป็นจิตใบ้ใจบ้า
หลงอยู่แห่งกามถึงไม่แสวงหา
ศีล-สมาธิ-ปัญญา
เลยกลายเป็นผู้หูหนวกตาบอดกันไปเท่านั้น
ผู้เป็นนักบวชชาย-หญิงให้รู้ในธรรมเหล่านี้ด้วย
ว่าเป็นทุกข์หรือมันเป็นสุข
มันมีมันเกิดติดตามจิต-เจตสิก-วิญญาณท่านมากี่ชาติแล้วก็ไม่รู้อยู่นั่นเอง
เพราะจิตคิดเห็นผิดๆ
ยอมตายกับหมู่บ้ากามนั่นเองฯ
|
|
-
สัจจะญาณ
จิตตญาณเพื่อให้รู้แจ้งในทางวัตถุกาม
ว่าเป็นเครื่องบำเรอกาม
เป็นผู้หลงแสวงหา
เป็นขี้ข้าชาติของตนและผู้อื่นจนขาดใจตายไปจากโลกนี้
จนนับไปไม่ถ้วนนับไม่ไหวเลย
ถือกันโดยสั้นๆ
ว่าคนเราเกิดมาหนเดียวตายหนเดียวเท่านั้น
ๆ
เพราะมันนับไม่ไหวนั่นเอง
กิเลสกามเป็นเครื่องเสพ
วัตถุกามเป็นเครื่องบำเรอ
กิเลสกามเป็นเครื่องเสพสำหรับจิตสามัญชนมนุษย์และสัตว์หาว่าเพลิดเพลิน
เพราะมันเป็นเครื่องปิดบังศีลธรรม
วัตถุกามเป็นเครื่องบำเรอว่าเป็นใหญ่เป็นโตโวหารเลิศหน้า
เพราะราคะตัณหาปิดไว้ไม่ให้รู้
ความเป็นทุกข์หลงเกิด
หลงตายร้อยชาติพันชาติไม่รู้ความทุกข์
ก็เพราะจิตหลงนั่นเอง
นักบวชชาย-หญิงให้รู้ในธรรมเหล่านี้ด้วยฯ
|
|
-
นักบวชชาย-หญิงผู้มีจิตศรัทธาเข้าสู่เพศพรหมจรรย์
ต้องเป็นผู้แสวงหาศีล-สมาธิ-ปัญญา
เพื่อจะออกจากวัตถุกามแห่งทุกข์ทั้งปวงให้ได้โดยเด็ดขาด
ถึงหาทางเข้าสู่สัจจะญาณ-จิตตญาณต่อๆ
ไป
สัจจะญาณคือวาจาคำพูดโดยพุทธบัญญัติหรือบุคลบัญญัติ
ญาณคือความรู้แจ้งในเหตุและผลตามสิ่งนั้นๆ
ดังนี้ จิตตญาณคือ
จิตนึกคิดของตนนั้น
ญาณคือ
ความรู้แจ้งในความนึกคิด
ความนึกคิดนั้นเป็นเหตุและผล
เหตุให้เกิดเป็นทุกข์ก็มี
เหตุให้เกิดเป็นสุขก็มี
กะตะญาณคือความรู้แจ้งทางกาย
ทางวาจา
ทางใจในเหตุและผลที่กระทำในสิ่งนั้น
ๆ
เป็นทุกข์เป็นสุข
กะตะญาณนั้นรู้แจ้งในการเป็นกรรม
ที่จะติดตามมาถึงตนคือ
กายกรรม
วาจากรรม
มโนกรรม
กรรมแปลว่า
ความทุกข์จะมาถึงตนโดยการกระทำผิด
กะตะญาณเป็นทางรู้แจ้ง
ไม่ยอมกระทำตามตัณหาราคะแห่งกามทั้งปวงเป็นเด็ดขาด
มีการละเว้นตามศีล-สมาธิ-ปัญญารู้แจ้งว่าเป็นทางออกจากทุกข์ได้
มิใช่เป็นทางที่ประกอบทุกข์
สัจจะญาณ-จิตตญาณ-กะตะญาณรู้แจ้งดังนี้
เกิดขึ้นเพราะความตั้งใจมั่นอยู่ในศีลโดยสัจจะธรรม
ญาณทั้งสามนี้ถึงจะเกิดถึงจะมีประจำผู้ปฏิบัติตลอดไป
ถึงความรู้แจ้งในทางปารมัตถธรรม
เป็นธรรมอันไม่ตายคือ
พระนิพพาน
|
|